หน้าเว็บ

DIARY


เพกาซัส (Pegasus)

           เพกาซัส (Pegasus หมายถึง แข็งแรง) เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก เป็นม้าร่างกำยำพ่วงพีสีขาวบริสุทธิ์ และมีปีกอันกว้างสง่างามเหมือนนกพิราบ (ไม่ใช่ยูนิคอร์น ตัวยูนิคอร์นมีเขา)

           ประวัติของเพกาซัสตัวนี้ค่อนข้างจะน่าขนลุกอยู่สักหน่อย เรื่องเริ่มมาจากนางกอร์กอน เมดูซ่า นางคนนี้มีความร้ายกาจมากแต่ก็ถูกวีรบุรุษ เปอร์ซีอุล ฟันคอขาดตาย ในขณะที่ นางสิ้นใจตายนั้น มีร่างของม้ากำยำพ่วงพี พร้อมด้วยปีกอันกว้างสง่างาม กระโจนออกมา จากลำคอของนาง ม้าตัวนั้นก็คือ เพกาซัส นั่นเอง เมื่อออกมาแล้วมันก็แผลงฤทธิ์ จนไม่มีใครสามารถปราบได้เลยซักคน ทั้งที่เพกาซัสเป็นความหวัง ของคนทั้งเมือง นอกจากความเก่งกล้าในฝีตีนและฝีปีกแล้ว เพกาซัสยังมีควาสมารถอีกอย่าง คือตอนที่มันเกิดมาใหม่ๆ และออกวิ่งอย่างคึกคนอง นั้น น้ำที่กระเซ็นจากรอยเท้า ที่มันวิ่ง ก่อให้เกิดน้ำพุสวยงาม ที่กวีและศิลปินชื่นชมกันนักหนา คือน้ำพุ ฮิปโปครีนี (Hippocrene) ที่เป็นที่รู้จักกันในวรรณคดกรีกโบราณ ว่ากันว่า ใครได้ดื่มน้ำพุนี้แล้ว โอกาสที่จะเป็นกวีเอกอยู่แค่เอื้อมที่เดียว เพกาซัสคึกอยู่ ได้ไม่นาน ก็มีคนดีมาปราบ เป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อชาวเมืองโครินทร์มีนามว่า "เบลเลอโรฟอน (Bellerophon)



             เบลเลอโรฟอน เป็นโอรสของเจ้าเมืองโครินทร์ที่มีนามว่า พระเจ้ากลอคุส (Glaucus) ซึ่งเป็นขุนศึกที่รักม้าเป็นชีวิตจิตใจ พระองค์ทรงมีโอรสหลายองค์ กับพระนางยูรีโนมี แต่มีข่าวลือหนาหูว่า เบลเลอโรฟอนหาใช่โอรสที่แท้จริงของกลอคุสไม่ หากแต่เป็นโอรส ของโปเซดอน มหาเทพแห่งท้องทะเลต่างหาก ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรูปโฉม และความ เก่งกาจกล้าหาญแล้ว ก็น่าจะจริงตามนั้น แต่กลอคุสจะทรงทราบหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ ข้อเท็จจริง ความจริงที่แน่ๆ คือ กลอคุสนั้นทรงรักม้าเสียจนป้อนอาหารแก่มันด้วย เนื้อมนุษย์ เพื่อให้มันดุร้ายในการสงคราม การกระทำอันน่าสยดสยองนี้ทำให้เทพเจ้า รังเกียจเป็นอันมาก และคนธรรมดาที่ถูกเทพเจ้ารังเกียจแล้ว มักจะชะตาขาดเสมอ กลอคุสก็เช่นกัน ทรงถูกจอมเทพซีอุส ลงทัณฑ์ โดยทำให้พระองค์ตกจากรถศึก และม้าเทียมรถของ พระองค์นั่นเองรุมกัดกลอคุส แล้วฉีกทึ้งเนื้อกินจนหมด
แต่ความ รังเกียจที่เทวดามีต่อกลอคุส หาได้ถ่ายทอดมาสู่โอรสของกลอคุสไม่ เบลเลอโรฟอน ยังคงได้รับความเมตตาปราณีจากทวยเทพอยู่เสมอ เห็นได้จากการออกไปผจญภัยที่ร้ายแรงปานใด เขาก็มีชัยอย่าง งดงามเสมอมา ความปรารถนา อันยิ่งใหญ่ของเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ อยากได้เพกาซัสมาเป็นอาชาคู่ใจ แต่เขาจะทำได้อย่างไรเล่า ในเมื่อเพกาซัส ไม่ใช่ม้าธรรมดา นอกจากเป็นซุปเปอร์ม้าแล้ว ยังมีปีกบินได้อีกด้วย เขาได้รับคำแนะนำจากนักปราชญ์คนหนึ่งว่า น่าจะลองขอความช่วยเหลือ จากเทพเจ้า ดูบ้าง แต่เนื่องจาก เบลเลอฟอนเป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อ จึงควรจะขอจากเทวีมากกว่าเทวา เพราะเทวาอาจเขม่นเอาว่าหมอนี่หล่อกว่าผม… เบลเลอโรฟอนก็เห็นด้วย เขาจึงไปนอน เฝ้าในวิหารของเทวีอธีน่า ซึ่งมักปรากฎองค์ ในความฝันของ ชายหนุ่มอยู่เสมอ การณ์ก็เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ กล่าวคือ ในคืนนั้น อธีน่าเสด็จมาหาเขาจริงๆ ไม่เสด็จเปล่า ทรงนำ อานม้าทองคำสุกปลั่งมาประทานให้ด้วย เบลเลอโรฟอนเต็ม ไปด้วยความปิติยินดียิ่งนัก รุ่งขึ้นเขาก็ถืออานม้าทองคำ ที่ได้รับมานั้น ออกเที่ยวตามหาเพกาซัส ด้วยอำนาจอานม้า วิเศษของเทวี เบลเลอโรฟอนก็ได้เพกาซัส มาไว้ในอำนาจ อย่างง่ายดาย และเขากับม้าวิเศษ ก็ชวนกันเหาะเหินเดินทาง ท่องที่ยวผจญภัยไปทั่วหัวระแหง ตามแบบฉบับเด็กหนุ่มชาว กรีกโบราณซึ่งรักการผจญภัย เป็นว่าเล่นนั่นแหละ เบลเลอโรฟอนผจญภัยไปเรื่อยๆ พบทั้งศึกรบและศึกรัก จนแทบเอาตัวไม่รอด แต่ด้วยความช่วยเหลือของยอดอาชาเขาก็เอาตัวรอดได้เสมอมา ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของเขาคือ การเอาชนะตัว "ไคมีร่า (Chimaera)






ไมดาส ผู้สัมผัสเป็นทองคำ

ตามตำนานของกรีก ไมดาส เป็นชื่อของกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ปกครองนครไฟร์เกีย พระองค์เป็นราชโอรสของ พระเจ้ากอดิอุส โดยไมดาสทรงได้รับราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา ซึ่งในเวลานั้นนครไฟร์เกียเป็นหนึ่งในนครที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองที่สุดนครหนึ่งด้วยพระปรีชาสามารถในการบริหารปกครองของพระเจ้ากอดิอุส
วันหนี่ง พระเจ้าไมดาสเสด็จประพาสยังริมฝั่งแม่น้ำซานการิอัสและได้พบชายชราขี้เมาผู้หนึ่งถูกมัดนอนกลิ้งอยู่กับพื้น พระองค์จึงเข้าไปช่วยแก้มัดให้ชายผู้นั้น ทว่าชายคนนั้นคือ ไซเลนนัส พระอาจารย์ของเทพไดโนนีซุส เทพเจ้าแห่งไวน์และการเฉลิมฉลอง โดยในวันนั้น ไซเลนนัสที่กำลังเมาไวน์ได้ที่ เกิดพลัดกับขบวนของเทพไดโอนีซุสและได้ไปพบกับพวกชาวนาเข้า พวกชาวนามีความเชื่อว่า หากเจอไซเลนนัสตอนกำลังเมาให้จับตัวเขามัดไว้ โดยในขณะที่ถูกมัดนั้น จะสามารถถามเรื่องในอนาคตจากไซเลนนัสได้
หลังจากกษัตริย์ไมดาสทรงช่วยไซเลนนัสเอาไว้ เทพไดโนนีซุสก็เสด็จมาถึง พระองค์ทรงโปรดปรานไมดาสเป็นอันมากที่ช่วยพระอาจารย์ของพระองค์ จึงทรงออกปากว่าจะให้พรไมดาสหนึ่งข้อตามแต่จะขอ ซึ่งเมื่อได้ยินดังนั้น กษัตริย์ไมดาสก็ลืมองค์ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ จึงทรงขอพรที่แปลกประหลาดที่สุด โดยทรงขอแก่เทพไดโอนีซุสว่า ขอให้ทุกสิ่งที่ตนสัมผัสนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด




(เทพเจ้าไดโอนีซุส)
 
 
แม้จะทรงแปลกพระทัย แต่ไดโอนีซุสก็ประทานพรให้ตามที่อีกฝ่ายขอ จากนั้นพระองค์พร้อมกับพระอาจารย์ก็เสด็จากไป ส่วนไมดาสนั้นเมื่อได้พรแล้วก็ทรงทดลองด้วยการแตะของต่างๆในวังจนกลายเป็นทองคำไปหมด ยังความปรีดาให้แก่พระองค์เป็นอันมาก
ทว่า เมื่อถึงเวลาที่จะเสวย ไมดาสก็ทรงพบว่า ทั้งอาหารและน้ำที่พระองค์สัมผัสกลายเป็นทองคำจนหมดสิ้น ทำให้พระองค์ไม่สามารถเสวยสิ่งใดได้เลย และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ พระองค์เผลอไปโอบกอดพระธิดาองค์น้อยที่ทรงรักมากเข้า ทำให้พระธิดากลายเป็นรูปปั้นทองคำไป
กษัตริย์ไมดาสทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก พระองค์ได้สวดอ้อนวอนขอให้เทพไดโอนีซุสทรงเมตตาลบล้างพรที่ทรงประทานให้ ในที่สุด เทพเจ้าไดโอนีซุสทรงเกิดความสงสารจึงทรงให้บอกให้ไมดาสไปชำระล้างพรที่แม่น้ำแพคโตลัส กษัริย์ไมดาสทรงทำตามที่เทพเจ้าตรัสบอก และพรวิเศษก็หายไป พร้อมกับทุกสิ่งกลับคืนดังเดิม อย่างไรก็ตาม พรของไดโอนีซุสที่ถูกชำระล้าง ก็ได้ทำให้แม่น้ำทั้งสายกลายเป็นผงทองคำ
…และบทเรียนที่ ราชาไมดาสได้รับในครั้งนี้ ก็คือ ความมั่งคั่งนั้น ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเสมอไป……



เพื่อนฉัน


เพราะเพื่อน ..
เหมือนเสี้ยวหนึ่งของหัวใจ
รัก..ที่มีความสุข เเม้จะไม่มีสิ่งใดตอบเเทน
รัก..ที่ที่ทำให้ยิ้มไปด้วยกันเมื่อเรายิ้ม เเละร้องให้ด้วยกันเพราะเราเศร้า
ไม่ได้เกิดมาพร้อมหน้าที่ .. อย่างคำว่า .. พ่อแม่
ไม่ได้จบลงพร้อมหน้าที่ .. อย่างคำว่า .. แฟน

แต่เกิดจาก ..
การกระทำซึ่งกันและกัน
จะอยู่หรือไป .. ใช้ "ใจ" เป็นเกณฑ์
จะอีกกี่นาน .. เพื่อนก็ยังเป็นทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ไม่มีวันเลือนหาย
เพื่อนคือคนที่เรามั่นใจ อยากไปหามากที่สุด ไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข

เพื่อนคือคนที่เราไม่ต้องนอนร้องไห้ คอยโทรศัพท์ทั้งคืน .. เพื่อนก็โทรมาหา

ฐานะ.. ไม่ใช่ตัววัดว่าใครเหมาะสมจะเป็นเพื่อนใคร
หน้าตา..ไม่ใช่มาตรฐานบอกว่า ใครควรจะเป็นเพื่อนใคร
แต่น้ำใจ.. จะเป็นเครื่องชี้ให้เรารู้ว่า ใครที่ควรจะเป็นเพื่อนของเรามากกว่า

เพื่อนคือ.. คนที่แอบมาปรุงแต่งชิวิตเรา ซะจนกลายเป็นอาหารจานแปลก
มีทั้งหวาน ขม อม เปรี้ยว
เดี๋ยวเติมความห่วงใย เดี๋ยวใส่ความรัก
หมักความผูกผันจนได้ที่
สุดท้ายก็กลายเป็นอาหารจานดี ที่ไม่มีผีกชีโรยหน้า
แต่ว่าเติมความจริงใจได้จนเต็มจาน

เพื่อน .. ก็เหมือนเสื้อตัวเก่ง
ที่เราจะหยิบมาใส่ทุกครั้งที่เราต้องการรความมั่นใจ
และเมื่อพ้นเวลานั้นไป..
เสื้อตัวนี้ก็ยังแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าใบเดิมเสมอ
เหมือนกับเพื่อนที่จะอยู่กับเราในวันที่เราไม่สบายใจ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น